บทที่ 2 บทที่1

บทที่1

ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต นัยน์ตาดำขลับริมฝีปากแดงราวกับผลผิงกัว สตรีที่ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ในยามเว่ย นางราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดจากปลายพู่กันของจิตรกรดัง แม้ในยามเว่ย (คือ 13.00 - 14.59 น.) แดดแรงร้อนแรงจนมีเหงื่อซึมที่ข้างขมับ แต่ถึงกระนั้นนางยังดูงดงามจนไม่อาจละสายตาได้ไม่ว่ามองมุมใดก็หาที่ติมิได้

“คุณหนูเข้าด้านในก่อนเถิดเจ้าค่ะ ฮูหยินก็เข้าไปนั่งที่โต๊ะหินใต้ร่มไม้แล้ว” เสียงแม่บ้านที่ดังมาจากด้านหลัง คะยั้นคะยอให้คุณหนูคนเดียวของตนเข้าไปหลบแดดด้านในจวน

“ไม่ล่ะ ละ อีกไม่ช้าขบวนรถม้าก็มาแล้ว” เผยอิงส่ายหน้า ดวงตายังคงจับจ้องไปที่มุมถนน นางยืนอยู่หน้าจวนของสกุลเผยเฝ้ารอการกลับมาของบุรุษที่นางรักและเทิดทูน นางอยากมั่นใจว่าท่านพ่อจะเห็นนางเป็นคนแรกทุกครั้งที่ท่านออกไปกับขบวนสินค้า ไม่ว่าจะกี่วันกี่เดือน เมื่อกลับมาท่านจะได้รู้ว่ามีนางแล้วมารดารอท่านอยู่ตรงนี้เสมอ

"ท่านพ่อ"

ร่างบางวิ่งออกมาชะเง้อคอรออยู่หน้าจวนตั้งแต่เช้า เมื่อทราบข่าวว่าขบวนรถม้าของบิดาใกล้มาถึงแล้ว เมื่อเห็นชายชราขวบม้าเข้ามาใกล้นางจึงส่งเสียงร้องเรียกด้วยความดีใจ ครานี้บิดาเดินทางไปเมืองหลวงนานมากจริง ทุกครั้งท่านไปเพียงเดือนเดียวก็รีบเดินทางกลับมา แต่หนนี้ไปนานถึงสามเดือน นางหวั่นใจไม่น้อยกลัวบิดาจะกลับมาไม่ทันวันสำคัญ

"ข้านึกว่าท่านจะกลับมาไม่ทันเสียแล้ว" นางโผเข้าหาทันทีเมื่อชายชรากระโดดลงจากหลังม้า กอดแขนบิดาแน่นเอียงคอมองใบหน้าของชายชราด้วยท่าทางน่ารัก จนชายชราอดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมา

"จะกลับช้ากว่านี้ได้อย่างไร ในเมื่อพรุ่งนี้คือวันเกิดอายุครบ ๑๘สิบแปด ปีของเจ้า อิงอิง ลูกรัก" เผยเหิงกระชับอ้อมกอดก้มลงจุมพิตกระหม่อมบาง ก่อนจะผละออกหันไปหาสตรีวัยกลางคนที่ส่งยิ้มบางอยู่ไม่ไกล แม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้วยังคงสวยตราตรึงใจเขาทุกครั้งยามมองนาง ฝ่ามือเหี่ยวย่นเอื้อมไปหาสตรีคู่ชีวิต นางวางมือบนฝ่ามือของเขาอย่างไม่อิดออด

"เข้าไปพักผ่อนกันดีกว่าเจ้าคะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ " เผยฮูหยินเดินตามแรงจูงของสามีกลับเข้าจวน ไม่ลืมหันไปสั่งบ่าวรับใช้ให้เตรียมที่พักให้สำหรับแขกคนอื่น ๆ ที่ร่วมเดินทางมาด้วย แม้จะไม่ได้ต้อนรับกล่าวทักทายตามมารยาทเพราะทุกคนเดินทางไกลมาเหนื่อย ๆ ควรได้พักผ่อน อย่างไรพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันในงานเลี้ยงวันเกิดของบุตรสาวของนางอยู่แล้ว

"สวยมากเลยเจ้าค่ะ" เผยอิงครางเสียงหวาน เมื่อมองสิ่งที่บิดายื่นมาเบื้องหน้า "แต่... ข้าว่ามันแพงเกินไปนะคะ" เธอทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ

"เหลวไหลน่าเแพงแพงเพิงอะไรกัน หยกชิ้นเท่าขี้ตา" เผยเหิงพูดเสียงเรียบก่อนจะก้าวประชิดร่างระหงเอื้อมสร้อยคอประดับด้วยหยกสีม่วงหายากแกะสลักเป็นรูปปลา หยกชิ้นนี้หรือจะมีค่าเทียบเท่ากับอิงอิงของเขาเทียบไม่ได้เลย เขาอยากสั่งให้คนทำเครื่องประดับทองชุดใหญ่ให้นางเป็นของขวัญเสียด้วยซ้ำไปแต่เกรงว่านางจะไม่ยอมรับมัน เขาจำต้องยอมลดหักห้ามความเอาแต่ใจของตนลงแต่ถืงแต่ถึงกระนั้นเธอยังบอกว่าแพงเกินไปอีกเหรอ บุตรสาวคนเดียวของเจ้าของเมืองทองอันดับสองของแคว้นกลับไม่ชอบเครื่องประดับหรูหรา นางปักเพียงปิ่นหยกขาวมันแพะหุ้มด้วยเศษทองชิ้นเล็กเท่านั้น

"ข้าว่ามันก็ยังแพงอยู่ดี" มือขาวผ่องลูบคลำจี้หยกกลางหน้าอก แม้นางจะไม่ได้ประโคมสวมเครื่องประดับเช่นคุณหนูบ้านอื่นไม้ แต่นางก็พอจะดูออกว่าหยกชิ้นนี้ต้องแพงมาก ๆ เพราะสีของมันแปลกตาเหลือเกิน คงหายากไม่น้อย มันล้ำค่าเกินไปสำหรับเธอ ถึงบิดาจะบอกว่าเม็ดเท่าขี้ตา แต่ขี้ตาที่ท่านว่าน่าจะขี้ตาช้างเพาะขนาดของมันใหญ่พอ ๆ กับนิ้วโป้งของเธอเลย

"ข้าก็ไม่รู้ว่าจะใส่เนื่องในโอกาสไหนได้ละล่ะเจ้าค่ะคะ" นางไม่เคยได้ไปที่ไหนไกลจากเมืองชิงหลง อาจมีได้เปิดหูเปิดตาบ้างตาตามบิดาขึ้นหุบเขาเพื่อไปดูการขุดทองที่เหมืองชิงหลง

"ใส่อยู่ในเรือน ใส่อยู่ในจวน ใส่ยามออกมาเดินเล่นในสวน ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลยว่าทำไม่ถึงไม่สนใจเครื่องประดับเช่นสตรีคนอื่น ๆ ดูอย่างมารดาเจ้าสิ" ชายชราหันไปพยักพเยิดใส่ภรรยาของตน นางใส่เครื่องประดับสีทองออร่ามอร่ามตาสมกับเป็นฮูหยินของเจ้าของเหมืองทอง "ข้าอุตส่าห์บากหน้าขอซื้อหยกชิ้นนี้มาให้เจ้า ชิ้นส่วนเพียงเล็กจากหยกแดงก้อนใหญ่แต่ถึงกระนั้นมันกลับมีราคามากกว่าหยกแดงก้อนนั้นเสียอีก" ชายชราตัดพ้อ ไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรให้นาง เผยอิงก็ไม่เคยเอามาใส่เลย คราวนี้เขาตั้งใจเลือกชิ้นเล็กที่สุดแต่ล้ำค่ามากกว่าชิ้นไหน แต่นางก็ยังมองว่าเกินตัวอีกแล้ว

"โธ่ ท่านพ่อ ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ใส่นะเจ้าคะ ข้าจะใส่มันติดตัวเอาไว้ตลอดเวลาเลยค่ะ แต่ไม่เอาเพิ่มแล้วนะเจ้าคะ ที่ท่านพ่อซื้อให้ก็มากมายแล้วเจ้าค่ะ"

"มายมากแต่ไม่เคยเห็นจะใส่" เผยเหิงถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ใหญ่กลางห้อง

"แค่ท่านพ่อเอ็นดูข้า รักข้า เมตตาส่งเสียเลี้ยงดูข้าเปรียบเสมือนลูกแท้ ๆ ข้าก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรหมดแล้วเจ้าค่ะ" เผยเหิงไม่ใช่บิดาแท้ ๆ ของนาง เขาแต่งงานกับมารดาของนางตอนนางอายุเพียง เจ็ดปีแต่หลังจากนั้นก็รับนางเป็นลูกบุญธรรมและดูแลนางไม่ต่างจากบุตรสาวแท้ ๆ ของตนเองมาจนถึงทุกวันนี้

เผยเหิงตบบุบ ๆ ที่ตักแกร่ง ร่างบางเดินไปนั่งอย่างไม่อิดออด ตั้งแต่จำความได้นางก็นั่งบนหน้าขาแกร่งนี้เสมอมาฝ่ามือใหญ่ที่คอยประคองแผ่นหลังนางเอาไว้ไม่ให้ผลัดพลัดตกลงไปตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อพบกันจนทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมมือหนาเอื้อมมาลูบศีรษะทุย

"อิงอิง จำไว้ต่อให้ใครจะพูดอย่างไร เจ้าก็คือบุตรสาวคนเดียวของข้า ไม่ว่าใครก็มาเปลี่ยนมันไม่ได้"

"เจ้าค่ะ" เผยอิงหันไปยิ้มแป้น มองดูชายชราอย่างรักใคร่บูชา ไม่ต้องหาพระมาบูชาหรอก นางบูชาพระในบ้านที่ชื่อว่าเผยเหิง

"ตามใจท่านพ่อเจ้าหน่อยเถิด ข้าก็คิดว่าเจ้าสวมเครื่องประดับน้อยชินชิ้นไป" เผยฮูหยินลุกจากเก้าอี้มาลูกศีรษะของบุตรสาว นางเติบใหญ่มาอย่างงดงาม ไม่นึกเลยว่าการตัดสินใจตอบรับคำขอแต่งงานจากทหารสวมชุดเกาะเกราะเปื้อนเลือดที่นางพบเมื่อสิบปีก่อน จะทำให้ชะตาชีวิตของนางพลิกผลันไปถึงเพียงนี้ จากต้องนับเงินอีเป๊ะแปะเพื่อซื้อข้าวสารกรอกหม้อบางครั้งก็ต้องให้อิงอิงกินเพียงน้ำซาวข้าว มาวันนี้นางมีทุกอย่างไม่เคยเดือนร้อนเรื่องเงินทอง กินอิ่มนอนหลับอย่างสบายกายสบายใจ

"ข้าจะใส่สร้อยคอเส้นนี้เอาไว้ตลอดเลยเจ้าค่ะ" เผยอิงเงยหน้าตอบมารดา นางเพียงสบตาก็เข้าใจความหมายที่มารดาต้องการจะสื่อ ความทุกข์ยากในอดีตที่เราสองแม่ลูกเคยผ่านมา ชีวิตที่ไร้ซึ่งเสาหลักจึงไม่ต่างจากขอทาน

ต่อหน้าผู้คนนางคือบุตรสาวของเผยเหิง เจ้าของเหมืองทองผู้ร่ำรวย ค้าขายทองแท่งและเครื่องประดับล้ำค่าที่ทำมาจากทองที่ขุดได้จากเหมืองชิงหลง ผู้คนล้วนก้มหัวให้บิดาของนาง นอกจากจะร่ำรวยและมีอิทธิพลล้นเหลือในเมืองแห่งนี้ ก็ยังค้าขายกับเมืองอื่น ๆ ด้วย เรียกได้แคว้นต้าหยางไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าทองเกือบสี่สวนในทองตลาดมาจากเหมืองชิงหลง เบื้องหน้าจะเป็นคหบดีร่ำรวยกุมอำนาจต่อรองเอาไว้ในมือจนใครต่างเกรงใจ เบื้องหลังยังมีกองทัพทหารหนุนหลังช่วยคุ้มครองเหมือง เพราะบิดาของนางเคยเป็นแม่ทัพใหญ่มาก่อน แม้จะเป็นเช่นนั้นเผยอิงก็แทบจะไม่เอาตนเองเข้าไปสนิทชิดเชื้อกับคุณหนูสกุลใดมากนัก นอกจากสหายที่เรียนศึกษามาด้วยกันที่สถานศึกษา นางเบื่อคำนินทาของสตรีเหลือเกินที่พอหันหลังก็ถูกน้ำลายและคำคนสาดป้ายสีมาจนเผยอิงเข็ดขยาดการเข้าสังคมคุณหนูหลาย ๆ จวน ข้าวของมากมายที่บิดาซื้อให้นางก็ไม่อยากใส่ ไม่อยากโอ้อวดตนว่าเป็นคางคกขึ้นวอ และอีกเรื่องคือการมีตัวตนอยู่ของนางคือความด่างพร้อยของเผยเหิง แม้บิดาจะไม่เคยแสดงออกเช่นนั้นก็ตาม เดิมบิดาของนางคือทายาทตระกูลสายหลัก ต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป มีคู่หมายที่ต้องแต่งงานแต่เผยเหิงกลับเลือกมารดาของนาง สตรีที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วอีกทั้งยังมีลูกติด แน่นอนทางเลือกที่เผยเหิงเลือกย่อมไม่เป็นที่เห็นชอบของทุกคนในตระกูล ใครจะอยากได้สตรีที่ด่างพร้อยขึ้นมาเป็นนายหญิงกัน เผยเหิงเลือกที่จะสละตำแหน่งให้น้องชายและลาออกจากกองทัพ พามารดาของมาอยู่ที่เมืองชิงหลง เพราะที่เมืองหลวงมารดาของนางดูมองด้วยสายตาดูแคลนตลอดเวลา แม้ที่แห่งนี้จะห่างไกลแล้งแค้น แต่เหมือนสวรรค์ไม่ทอดทิ้งคนดี บิดาของนางทำการสำรวจหุบเขาจนพบเหมืองทอง จากเมืองรกร้างห่างไกลจากเมืองหลวงกลับกลายเป็นเมืองสำคัญต่อการค้า เจริญรุ่งเรืองอย่างก้าวกระโดดในช่วงสิบปีให้หลัง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป